การป้องกันการปลอมแปลงสินค้า ทำอย่างไรได้บ้าง มีวิธีมาแนะนำ
การป้องกันการปลอมแปลงสินค้า
เมื่อเทคโนโลยีพัฒนาไปข้างหน้ามากขึ้น นอกจากการถูกใช้ประโยชน์ทางที่ดีแล้วก็มีเหล่าบรรดามิจฉาชีพที่ปรับวิธีแล้วใช้ในทางผิด ๆ เพื่อหวังสร้างผลกำไรให้กับตนเองโดยไม่สนใจด้วยซ้ำว่าคนอื่นจะเดือดร้อนอย่างไร ด้วยเหตุนี้หากคุณคือเจ้าของแบรนด์หรือผู้ผลิตสินค้าที่มีโอกาสโดนปลอมแปลงได้ เช่น เครื่องสำอาง น้ำหอม อาหารเสริม สินค้าการเกษตร สินค้าภายในบ้าน อะไหล่อุปกรณ์ไอที หรือแม้แต่เสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย หากรู้เทคนิคการป้องกันการปลอมแปลงสินค้าจะช่วยให้ผู้บริโภคมั่นใจได้มากขึ้น รวมถึงยังสร้างภาพลักษณ์ที่ดีอีกด้วย คำถามที่สงสัยกันตอนนี้คือจะทำอย่างไรได้บ้าง ไปศึกษาพร้อมกันเลย
การป้องกันการปลอมแปลงสินค้า ทำได้ไม่ยากอย่างที่คิด
- ใช้สติ๊กเกอร์กันปลอมติดลงไปบนฉลากหรือบรรจุภัณฑ์
วิธีแรกถือเป็นเทคนิคสุดคลาสสิกที่ยังมีหลายแบรนด์นิยมใช้กันนั่นคือการติดสติ๊กเกอร์กันปลอมลงไปบนตัวผลิตภัณฑ์ หรือบนบรรจุภัณฑ์ ซึ่งสติ๊กเกอร์ดังกล่าวจะทำจากกระดาษโฮโลแกรมที่มีความสะท้อนแสง แวววาว สร้างจุดเด่นและความแปลกตาได้อย่างดี เหนือสิ่งอื่นใดยังสามารถพิมพ์ลวดลายแบบ 2 มิติ และ 3 มิติ เพื่อบ่งบอกการเป็นแบรนด์ของแท้ได้อีกด้วย ทว่าทุกวันนี้เหล่ามิจฉาชีพจำนวนไม่น้อยก็พยายามดัดแปลงหรือทำโลโก้ของตัวสติ๊กเกอร์ให้เหมือนจริงมากที่สุด หากไม่สังเกตดี ๆ ก็อาจโดนปลอมแปลงได้อยู่เช่นกัน
- ใช้ระบบ QR Code เข้ามาสร้างความสะดวกให้กับลูกค้า
การป้องกันการปลอมแปลงสินค้าด้วยวิธีนี้ถือว่ากำลังมาแรงและได้รับความนิยมสูงมากในปัจจุบัน หลักการคือ ตัว QR Code จะมีการพิมพ์รหัสที่แตกต่างกันออกไปตามแบรนด์หรือประเภทสินค้านั้น ๆ พร้อมใช้ตัวอัลกอริทึมพิเศษเพื่อไม่ให้คนอื่นสามารถตรวจสอบข้อมูลต้นทางเจอได้ หากคุณสแกนครั้งแรกเสร็จแล้วก็จะทำในครั้งต่อไปไม่ได้อีก มีทั้งการพิมพ์เป็นสติ๊กเกอร์ หรือการพิมพ์ลงไปบนฉลากสินค้าเลยก็ได้เช่นกัน นับเป็นระบบที่สร้างขึ้นมาให้ตอบโจทย์การใช้งานอย่างแท้จริง ไม่ต้องยุ่งยากในการสังเกตใด ๆ ทั้งสิ้น
- ใช้การขูดรหัสแล้วเช็กผ่านหน้าเว็บไซต์
นี่คืออีกวิธีสุดคลาสสิกที่ยังคงเห็นการใช้งานอยู่พอสมควร หลักการคือทางผู้ผลิตจะมีการพิมพ์รหัสเอาไว้ตรงส่วนใดส่วนหนึ่งของตัวผลิตภัณฑ์หรือบรรจุภัณฑ์ โดยมีการทำแถบขูดเอาไว้ให้ เมื่อคุณได้สินค้าเรียบร้อยก็ทำการขูดเพื่อดูเลขดังกล่าวแล้วนำไปเช็กบนหน้าเว็บไซต์ของสินค้าอย่างเป็นทางการ ก็จะช่วยให้รู้ได้ทันทีว่ารหัสนั้นเป็นของแท้หรือโดนปลอม แม้วิธีนี้จะดูมั่นใจได้เช่นกันแต่ก็แลกมาด้วยความยุ่งยาก และต้องทำหลายขั้นตอนกว่าจะมั่นใจ
- สร้างระบบตัวแทนจำหน่ายเป็นของตนเอง
วิธีนี้ส่วนมากจะนิยมใช้กับธุรกิจเครือข่าย หรือธุรกิจที่ปล่อยแฟรนไชส์ให้ผู้อื่นทำกิจการต่อแต่ผู้ขายก็ยังคงถูกจัดอยู่ในกลุ่ม Partner ทำธุรกิจร่วมกัน หลักการคือผู้ผลิตหรือเจ้าของแบรนด์จะทำระบบตัวแทนและให้ผู้สนใจสมัครเข้ามา จากนั้นจึงนำสินค้าไปขายด้วยตนเอง ลูกค้าสามารถเช็กข้อมูลได้ เช่น การขอดูบัตรตัวแทนขาย หรือการเช็กข้อมูลบุคคลผ่านหน้าเว็บไซต์บริษัท แต่ก็มีข้อจำกัดในหลายด้าน เช่น ความยุ่งยาก การโดนหลอกเพิ่มเติมจากมิจฉาชีพที่แฝงตัวเข้ามาทำงาน และมักต้องเป็นสินค้าที่ใช้พนักงานขายเพื่อเข้าหาลูกค้าด้วย จึงมีต้นทุนอยู่พอสมควร
- ออกสำรวจตลาดด้วยตนเอง
การป้องกันการปลอมแปลงสินค้าในรูปแบบที่ดุดัน และมักทำกับเชนธุรกิจขนาดใหญ่ นั่นคือ การลุยออกสำรวจตลาดด้วยตนเอง หรือมีทีมที่คอยสอดส่องเรื่องนี้อยู่แล้ว หากพบเจอความผิดปกติใด ๆ หรือพบเจอการปลอมแปลงสินค้าก็ดำเนินการตามกฎหมายได้ทันที แม้ต้องใช้พลัง ใช้งบ แต่ก็ถือว่าได้ผลในระดับหนึ่ง อย่างไรก็ตามวิธีนี้มักใช้กับสินค้าที่ปลอมแปลง่าย เช่น เครื่องแต่งกาย เครื่องสำอาง อาหารเสริม ของใช้ครัวเรือน เป็นต้น
ทำไมการป้องกันการปลอมแปลงสินค้าจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก